นี่คือเนื้อหาที่ผมเตรียมไว้สำหรับเกริ่นนำก่อนฝึกภาคปฏิบัติ
ในหลักสูตร “เปลี่ยนความเครียดเป็นพลังบวก” เสาร์นี้ครับ
ความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของระบบในร่างกายคนเรา
เป็นผลของวิวัฒนาการที่มีมายาวนานนับแสนปี
ตั้งแต่มีมนุษย์คนแรกเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
ในช่วงเวลาที่มนุษย์ยังอยู่ตามป่าเขา
สิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงเผ่าพันธุ์ คือ อาหาร น้ำดื่ม
ที่พักอาศัย การมีเพศสัมพันธ์ และที่สำคัญที่สุด คือ
ความสามารถในการเอาตัวรอด
ในสิ่งแวดล้อมที่มีอันตรายอยู่รอบตัว
ในสมัยนั้น เมื่อเรามองเห็น ได้ยินเสียง หรือได้กลิ่น อะไรที่อาจเป็นอันตราย เราจะพยายามหลีกหนีสิ่งที่อาจเป็นอันตรายนั้น
ใครที่สามารถคาดการณ์อันตรายและหลีกหนีจากอันตรายนั้นได้สำเร็จ จะมีโอกาสอยู่รอดได้มากกว่า มีลูกหลานมากกว่า
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถคาดการณ์และหลีกหนีอันตรายได้ก็จะค่อยๆ สูญพันธุ์ไป
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในยุคปัจจุบันจึงได้รับมรดกทางชีวภาพ ให้เป็นคนที่ระแวดระวังอันตรายและพยายามหลีกหนีสิ่งที่อาจเป็นอันตราย
เวลามนุษย์พบกับสัตว์ร้ายหรืออันตรายอะไรก็ตาม
สมองจะ “จัดระเบียบ” การทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย
เพื่อเอาตัวรอด
ความคิดจะจดจ่อกับสิ่งที่เป็นอันตรายนั้น ไม่สนใจเรื่องอื่น
(เราจึงคิดวนเวียนอยู่กับปัญหา)
หัวใจเต้นเร็วและแรง สูบฉีดเลือดแรงขึ้น ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น
(เวลาเครียด ความดันเลือดจึงสูง)
เลือดไหลไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อมากขึ้น เพื่อเตรียมสู้หรือหนี
กล้ามเนื้อเกร็งตัวเตรียมพร้อม
(เครียดแล้วปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ)
เลือดลดการไหลไปยังบริเวณที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้น
เช่น ลำไส้ ผิวหนัง
รวมถึง “สมองส่วนหน้า” ที่ใช้ในการคิดวิเคราะห์
(เวลาเครียดจึงคิดอะไรไม่ออก และยังก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้มากมายทุกระบบ)
น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น เพื่อนำส่งพลังงานให้กับเซลกล้ามเนื้อ
(เครียดแล้วระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น)
สารช่วยในการแข็งตัวของเลือดเพิ่มขึ้น เผื่อมีการบาดเจ็บ
เลือดจะได้ไม่ไหลออกมาก
(เส้นเลือดอุดตันง่ายขึ้น)
ระบบทั้งหมด ออกแบบไว้เพื่อการเอาตัวรอด
ระบบนี้ คือ ระบบเดียวกันกับการทำงานของร่างกายเมื่อเราเครียด
ชักยาวแล้วละครับ เดี๋ยวมาต่อภาคสองกัน ...